น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง
ทุก ๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร คุณจะต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยให้น้ำมันนั้นสามารถหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หัวเทียน
สำหรับหัวเทียนนั้น เมื่อไรก็ตามที่มันเริ่มเสื่อม ให้ทราบไว้เลยนะคะว่ารถยนต์จะเริ่มอาการสะดุดตามมา คล้ายๆ กับรถกระตุกนั่นแหละค่ะ ฉะนั้น คุณควรที่จะเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ทุกๆ ระยะประมาณ 40,000 กิโลเมตร
น้ำมันเกียร์ และไส้กรองน้ำมันเกียร์
เพราะรถยนต์ของคุณนั้นมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา การใช้งานมากๆ ก็อาจส่งผลทำให้เกิดการสึกหรอ และเสื่อมสภาพตามมา ดังนั้น เพื่อยืดอายุการใช้งานอย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เมื่อรถถึงระยะ 20,000 – 40,000 กิโลเมตรกันนะคะ
ผ้าเบรก
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่ใช้สำหรับการหยุดรถ เมื่อไรก็ตามที่รถยนต์ของคุณเริ่มมีเสียงดังเอี๊ยดๆ ขณะเบรกละก็นั่นเป็นสัญญาเตือนแล้วนะคะว่าให้รีบจัดการเปลี่ยนทันที ไม่งั้นละก็เรื่องใหญ่แน่ๆ หรือถ้ายังไม่มีอาการ
แต่ระยะรถยนต์อยู่ที่ 50,000 – 70,000 กิโลเมตรแล้วละก็ อย่าลืมหาเวลาไปเช็คผ้าเบรก หรือเริ่มสังเกตอาการกันให้ดีนะคะ
แบตเตอรี่
ไม่ว่าจะเป็นแบบแห้งหรือแบบเปียก ก็ต้องดูแลและตรวจเช็กกันให้ดี และแม้ว่าแบบแห้งจะมีอายุการใช้งานนานกว่า แถมไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก แต่ก็มองข้ามไม่ได้นะคะ จะให้ดีละก็หมั่นตรวจเช็กคุณภาพแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณทุกๆ ปีนะคะ
ไส้กรองอากาศ
หากรถยนต์ของคุณมีสิ่งสกปรกเข้าไปมากนอกจากจะทำให้เครื่องกรองอากาศอุดตันแล้วยังทำให้กำลังเครื่องยนต์ลดลง อัตราการเผาไหม้ของเครื่องก็ทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดทุก 3,000 – 5,000 กิโลเมตรนะคะ แล้วควรเปลี่ยนใหม่ ทุก 1 ปี หรือเมื่อใช้ไปถึง 20,000 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ถ้าคุณอยากดูแลรถยนต์สุดรักสุดหวงของคุณให้ดีขึ้นไปอีก เราขอแนะนำให้คุณทำประกันรถ 2+ เพราะประกันภัยรถยนต์ 2+จะมีความคุ้มครองเทียบเท่าประกันชั้น 1 เลย แต่มีราคาถูกกว่า อีกทั้งประกันภัยรถยนต์ 2+ ในบางบริษัทยังมีประกันตัวผู้ขับขี่ให้อีกด้วย